สำหรับการดูภาพยนตร์ นั้นก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะช่วยในการฝึกทักษะด้านภาษาอังกฤษ ให้ดีมากขึ้น เพราะภาพยนตร์ฝรั่ง เดี๋ยวนี้หาดูได้ง่าย ทั้งจากร้านเช่าหนัง และและบริการภาพยนตร์ออนไลน์ (แบบถูกกฎหมาย) ซึ่งบทความนี้เราจะมาแนะนำ วิธีการฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งมากขึ้น เพียงแค่นั่งดูหนังอยู่ที่บ้านกันครับ
ไม่ควรดูหนังที่พากย์ไทย แต่ให้ดูหนังแบบ เปิดซับไตเติ้ลไทย /อังกฤษ / และปิดซับไตเติ้ลตามลำดับ เพราะเป็นกระบวนการสร้างให้สมองนั้นเกิดความคุ้นเคยกับการพูดของตัวละครในภาพยนตร์ ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งนี้เมื่อเกิดความคุ้นเคยขึ้นแล้ว สมองจะประมวลผลได้ง่าย ผ่านการพัฒนาทักษะการฟัง การแปลความหมาย คำศัพท์ แกรมมาร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเวลาที่จะดูหลายๆ รอบอาจจะแบ่งดูทีละวันได้ครับ โดยวันนี้ดูแบบเปิดซับไทย อีกวันดูแบบซับอังกฤษ เป็นต้น
ทำความเข้าใจกับตัวหนัง ผ่าน Plot เรื่อง และ ตัวอย่างของหนัง ก่อนมาดูทั้งเรื่อง แบบเปิด English Subtitle จะช่วยประหยัดเวลาในการทำความเข้าใจเนื้อเรื่องอย่างคร่าวได้ดี เพราะการรู้เนื้อเรื่องมาก่อนอย่างคร่าวๆ ทำให้เราสามารถที่จะเดาทิศทางของเรื่องออก และตีความคำพุดประโยคต่างๆ ที่อยู่ในหนังได้ง่ายดายมากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม หากดูหนังแบบเปิดซับอังกฤษจบแล้ว แนะนำให้ดูซ้ำ โดยการปิดซับอังกฤษอีกหนึ่งรอบ เพื่อเป็นการกระตุ้น และพัฒนาทักษะด้าน Listening ให้ดีมากขึ้นครับ เพราะคราวนี้จะไม่มีซับให้อ่านกันแล้วนะ
ดูหนังแบบปิดซับ อังกฤษ และตามด้วยการเปิดซับอังกฤษ ในรอบที่สองที่ดูซ้ำ อันนี้เป็นกระบวนการฝึกเรื่องของ Listening และการเดาศัพท์ หาความหมายของศัพท์ ที่ผู้ฝึกนั้นจะทดสอบว่าสิ่งที่ตนเองนั้นฟังสดๆ โดยไม่ได้อ่านซับนั้นจะตรงกับเนื้อ เรื่องที่มีการเล่าผ่านซับหรือไม่ พูดง่ายๆ มันก็คือการเดาเนื้อเรื่องและคำพูดผ่านการฟัง 1 รอบ แล้วตรวจทานดูว่าสิ่งที่เราเดา หรือฟังจากเนื้อเรื่องในการดูรอบแรกนั้น ตรงกับเนื้อเรื่องผ่านซับ ที่เราจะดูในรอบ 2 หรือไม่นั่นเอง
ดูหนังแบบ ซับไตเติ้ลไทย เป็นการฝึกระดับเบสิกที่สุด สำหรับผู้เริ่มฝึกทักษะด้านการฟังภาษาอังกฤษ เพราะจะเป็นการเปิดซับไทยคลอไปด้วย ทำให้สามารถเดาความหมายได้ง่ายกว่าการแปลจากซับอังกฤษ อย่างไรก็ตามการฝึกวิธีนี้เมื่อเกิดความชำนาญขึ้นแล้ว ควรเปลี่ยนไปฝึกแบบเปิดซับอังกฤษ และปิดซับแทนครับ จะช่วยพัฒนาทักษะได้อีกเยอะ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเคล็ดลับ ในการฝึกภาษาอังกฤษ ผ่านการดูภาพยนตร์ครับ ลองไปฝึกทำกันนะครับ
ไม่ควรดูหนังที่พากย์ไทย แต่ให้ดูหนังแบบ เปิดซับไตเติ้ลไทย /อังกฤษ / และปิดซับไตเติ้ลตามลำดับ เพราะเป็นกระบวนการสร้างให้สมองนั้นเกิดความคุ้นเคยกับการพูดของตัวละครในภาพยนตร์ ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งนี้เมื่อเกิดความคุ้นเคยขึ้นแล้ว สมองจะประมวลผลได้ง่าย ผ่านการพัฒนาทักษะการฟัง การแปลความหมาย คำศัพท์ แกรมมาร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเวลาที่จะดูหลายๆ รอบอาจจะแบ่งดูทีละวันได้ครับ โดยวันนี้ดูแบบเปิดซับไทย อีกวันดูแบบซับอังกฤษ เป็นต้น
เรียนภาษาอังกฤษ
ทำความเข้าใจกับตัวหนัง ผ่าน Plot เรื่อง และ ตัวอย่างของหนัง ก่อนมาดูทั้งเรื่อง แบบเปิด English Subtitle จะช่วยประหยัดเวลาในการทำความเข้าใจเนื้อเรื่องอย่างคร่าวได้ดี เพราะการรู้เนื้อเรื่องมาก่อนอย่างคร่าวๆ ทำให้เราสามารถที่จะเดาทิศทางของเรื่องออก และตีความคำพุดประโยคต่างๆ ที่อยู่ในหนังได้ง่ายดายมากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม หากดูหนังแบบเปิดซับอังกฤษจบแล้ว แนะนำให้ดูซ้ำ โดยการปิดซับอังกฤษอีกหนึ่งรอบ เพื่อเป็นการกระตุ้น และพัฒนาทักษะด้าน Listening ให้ดีมากขึ้นครับ เพราะคราวนี้จะไม่มีซับให้อ่านกันแล้วนะ
ดูหนังแบบปิดซับ อังกฤษ และตามด้วยการเปิดซับอังกฤษ ในรอบที่สองที่ดูซ้ำ อันนี้เป็นกระบวนการฝึกเรื่องของ Listening และการเดาศัพท์ หาความหมายของศัพท์ ที่ผู้ฝึกนั้นจะทดสอบว่าสิ่งที่ตนเองนั้นฟังสดๆ โดยไม่ได้อ่านซับนั้นจะตรงกับเนื้อ เรื่องที่มีการเล่าผ่านซับหรือไม่ พูดง่ายๆ มันก็คือการเดาเนื้อเรื่องและคำพูดผ่านการฟัง 1 รอบ แล้วตรวจทานดูว่าสิ่งที่เราเดา หรือฟังจากเนื้อเรื่องในการดูรอบแรกนั้น ตรงกับเนื้อเรื่องผ่านซับ ที่เราจะดูในรอบ 2 หรือไม่นั่นเอง
ดูหนังแบบ ซับไตเติ้ลไทย เป็นการฝึกระดับเบสิกที่สุด สำหรับผู้เริ่มฝึกทักษะด้านการฟังภาษาอังกฤษ เพราะจะเป็นการเปิดซับไทยคลอไปด้วย ทำให้สามารถเดาความหมายได้ง่ายกว่าการแปลจากซับอังกฤษ อย่างไรก็ตามการฝึกวิธีนี้เมื่อเกิดความชำนาญขึ้นแล้ว ควรเปลี่ยนไปฝึกแบบเปิดซับอังกฤษ และปิดซับแทนครับ จะช่วยพัฒนาทักษะได้อีกเยอะ
เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเคล็ดลับ ในการฝึกภาษาอังกฤษ ผ่านการดูภาพยนตร์ครับ ลองไปฝึกทำกันนะครับ
EmoticonEmoticon